Lakshmi Singh จาก NPR นั่งพูดคุยกับเฮย์ลีย์ วิลเลียมส์, เทเลอร์ ยอร์ค, และ แซค แฟรร์โร เกี่ยวกับการทำงานเพลงในอัลบั้มใหม่ After Laughter
“ตอนที่เราเริ่มเขียนเพลง เป็นช่วงซัมเมอร์และ … ผมต้องการความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา” กล่าวโดย Taylor York
“ผมฟังเพลง Afrobeat เยอะมาก และก็พวกนิวเวฟเช่น The Cure กับ Talking Heads ในยุค ’80s โดยเฉพาะช่วงต้นๆ 80s มันมีจังหวะดนตรีที่หลากหลาย แล้วก็น่าฟังมากครับ รวมถึงการที่เราสามารถเต้นไปกับเพลง เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ”
Lakshmi Singh: อธิบายให้ฟังถึงการเขียนเพลง”Hard Times” หน่อย มันดูเป็นเพลงที่มีความสุขมาก แต่ถ้าฟังเนื้อเพลง จะรู้ว่าเป็นเนื้อเพลงที่หดหู่มาก
Hayley Williams: ใช่ ทั้งอัลบั้มก็จะเป็นแบบนั้นแหละ … ตอนแรกไม่คิดว่าเราจะสามารถทำอัลบั้มจนสำเร็จได้ โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเพลงที่จะต้องแมตช์กับทำนอง แต่ก็ยังคิดว่ามันเป็นวิธีที่จะได้พูดออกไป เกี่ยวกับความรู้สึก แล้วก็อารมณ์ตอนนั้น — มันทำให้มีความลึก น่าค้นหา ฉันว่ามันมีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นกับดนตรี และมันน่าสนใจสำหรับฉันมากที่ได้จับมันใส่ลงมาเป็นคำพูด พอได้กลับไปฟัง ก็รู้สึกว่า “โฮ้ ขอบคุณพระเจ้ามากๆ” เพราะเราไม่อยากร้องเพลงเศร้าในจังหวะช้าๆ ถ้าเป็นแบบนั้นเรายุ่งแน่ๆ
Zac คุณกับ Josh ออกจากวงไปในปี 2010 มันเป็นการอำลาที่ค่อนข้างมีคนพูดถึงเยอะมาก ทำไม่คุณถึงออกไปแล้วทำตอนนี้คุณถึงกลับมาร่วมวงอีกครั้ง?
Zac Farro: พี่ชายผมกับตัวผมเองออกจากวงไปช่วง 2010 กับเหตุผลที่คล้ายๆกัน แต่เหตุผลหลักๆก็คือ เพราะว่าเราเริ่มทำงานตั้งแต่ผมยังเด็กมากๆ ตอนนั้นผมอายุแค่ 13 ปี ตอนที่เราเริ่มเล่นกัน พอ 14 ก็ออกทัวร์แบบเต็มเวลา ก็เลยรู้สึกว่า เหมือนไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่จะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าผมเอง จะกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้วงแย่ลงไป เพราะทัศนคติ และก็การรับมือของผม เพราะงั้นคิดว่าทางออกคือ ผมออกจากวงซะจะดีกว่า
มันมีความสุขอบอวลอยู่ในระยะทางระหว่างพวกคุณ
Farro: ใช่ แน่นอนครับ ถ้าคุณมองไปรอบๆ
ผ่านไปหลายปี คุณบอกว่าคุณมีความเชื่อเพิ่มขึ้น คุณบอกว่าคุณไม่ใช่วงคริสเตียนแต่คุณมีความเชื่อ คุณคิดว่าความเชื่อความหวังของคุณ ช่วยให้พวกคุณอยู่ร่วมกันได้ยังไง?
Taylor York: ผมคิดว่าตอนที่เรายังเด็กกว่านี้ เรามีเสียงที่เป็นหนึ่งเดียวกันในทิศทางที่ว่า เราต้องสื่ออกไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีความเชื่อ และผมไม่รู้ว่าตอนนั้นมีเท่าตอนนี้รึเปล่า แต่คิดว่าเรามีความมั่นใจมากขึ้น และก็มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในวง เราคุยกันเรื่องนี้แบบส่วนตัว และผมรับรู้ได้
สำหรับเรา ผมคิดว่าความเชื่อเป็นส่วนนึงของแรงที่ทำให้เราเดินหน้าต่อไป และบางครั้งเราเองก็รู้ตัว บางครั้งเราเองก็ทำไปโดยสัญชาติญาณ … เราพยายามที่จะหาคำตอบเรื่องนี้เสมอ คิดว่าจะพูดมันออกไปยังไงดี คิดว่าเราเชื่อมันจริงๆ
ความเศร้าอยู่เต็มเนื้อเพลงในอัลบั้มนี้ แต่ความเชื่ออยู่ใจกลางของอัลบั้มเช่นกัน มันมีความหมายส่วนตัวยังไงกับคุณ?
Williams: ฉันคิดว่าเราต้องเตือนตัวเองเสมอว่าเราก็เป็นแค่มนุษย์ เมื่อคิดได้แบบนั้นเราก็แทบไม่มีค่าอะไร นั่นอาจจะเป็นความเศร้าในช่วงสองปีที่ผ่านมาสำหรับฉัน อาจจะมีความหมายสำหรับแซค หรือเทย์เลอร์ ก็ต่างกันไป แต่เราก็มีอุปสรรคของตัวเอง มีทางเดินของตัวเอง บางครั้งตอนที่คุณตื่นมา และคุณรุ้ว่า นี่แหละเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของคุณ พออีกวันได้ออกไปทำหน้าที่ตัวเองเพื่อที่จะขึ้นไปทีจุดสูงสุดของภูเขา และคุณจะสามารถมองออกไป และเห็นทุกอย่างที่คุณรอด
แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันคือการจำว่า ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเขานั้นคนเดียว… เราถึงจุดสูงสุดของเขาลูกนั้นด้วยกัน สามคน ในฐานะของเพื่อน ในจุดที่เรามีประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิต ดนตรี และพระเจ้าต่างกันไป ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เรามีความเชื่อในแบบของเรา
เริ่มก่อตั้งครอบครัว parafamily ในไทยตั้งแต่เรียนมัธยม
ปัจจุบันทำงานแล้ว ใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อแผ่นเสียงลิมิเต็ด ซีดีเพลง เสื้อวง
ปัจจุบันฟังเพลงหลากหลายมากขึ้น ความฝันของแอดมินคืออยากให้ Paramore กลับมาทัวร์ในไทยอีกครั้ง
- Paramore ขึ้นโชว์งาน iHeartRadio Music Festival 2024 - September 21, 2024
- Paramore เผยกำลังทำอัลบั้มใหม่ต่อจาก This Is Why - September 15, 2024
- เฮย์ลีย์กับ The Only Exception ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป - September 14, 2024