[Interview] UPROXX Paramore หลุดจากกับวงจรเดิม

โดย Carolyn Droke
บทความต้นฉบับ

Zac Farro มือกลอง Paramore สังเกตเห็นกระดาษโปรยเล็กๆ วางอยู่บนพื้นสตูดิโอ
“มันมาจากก้นของฉัน Hayley Williams พูดติดตลกแบบถูกจังหวะ มันเป็นอารมณ์ขบขันสำหรับกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะที่อาจดูหยาบคายเกินไปสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ในกลุ่มวงดนตรีวงนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมวงที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันชวนให้พวกเขาหัวเราะ

มันเป็นเรื่องปกติสำหรับการสนทนากับ Paramore ซึ่งบทสนทนาจะจริงจังได้ไม่นาน
แต่เมื่อสมาชิกทั้งสามคนมารวมตัวกันในห้องเพื่อสัมภาษณ์ ทุกคำตอบก็กลายเป็นคำพูดที่จริงจังในที่สุด นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ เมื่อพูดถึงการตัดสินใจที่ยากลำบากของวงที่ต้องเว้นช่วงไปซึ่งกินเวลานานเกือบหกปี ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสามคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เฝ้าดูตัวเอง กันและกัน จนเติบโตจนเป็นคนวัย 30 ที่มีความมั่นใจในตัวเอง และหลอมรวมเป็นตัวตน มานั่งใกล้ชิดกันใน Zoom call

กระดาษโปรยบนเวทีขัดขวางความคิดของ Farro เกี่ยวกับความรู้สึกที่ดีที่ได้กลับมาร่วมงานกับ Paramore อีกครั้ง โดยทำงานในอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ “เฮ้ย กระดาษพวกนี้ มันไปทุกที่ได้ยังไง” Farro กล่าวก่อนที่มือกีตาร์ Taylor York จะเข้ามาอธิบายว่าพวกเขาต้องเจอกับกระดาษโปรยจากทัวร์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหรือเมื่อสิบปีก่อนบ่อยแค่ไหน แต่ในอีกแง่มุมนึง มันก็เสมือนกับวงของเขา “Paramore ยังอยู่กับเราเสมอ” Farro กล่าว “ทุกที่ที่เราไป”

ไม่ว่าจะในช่วงชีวิตไหนก็ตามของพวกเขา หรือสมาชิกวงจะหยุดพักจากวงนานแค่ไหน Paramore ก็จะอยู่กับพวกเขาเสมอ อัลบั้มล่าสุดของพวกเขา This Is Why ซึ่งมาถึงจุดพี้คในปี 2023 ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ แม้ว่าในอดีตทางวงจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตัวจริงบ้าง และตามคำพูดของ Williams มีปัญหาช่วงสั้นๆ กับ “ดราม่าสไตล์เรียลลิตีโชว์” มิตรภาพของพวกเขาทำให้ Paramore อยู่ต่อไปได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผ่านการดำเนินชีวิตในยุคแรกๆ และ toxic ของซีนอีโม เพื่อสร้างกลุ่มฐานแฟนๆ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ Paramore จึงได้บทเรียนจากการทุ่มเทเกือบตลอดชีวิตในการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขา พวกเขาเรียนรู้ที่จะตกหลุมรักดนตรีอีกครั้ง และโลกก็ตกหลุมรัก Paramore อีกครั้ง

ไม่บ่อยนักที่กลุ่มนักเรียนโฮมสคูล จะสามารถเปลี่ยนโปรเจ็กต์ที่ตนตกหลุมรัก ให้กลายเป็นอาชีพที่ได้รับการชื่นชมได้สำเร็จ แต่นั่นคือสิ่งที่ Paramore ทำได้ ในช่วงแรกๆ Williams วัย 13 ปีย้ายที่อยู่ไปกับแม่ของเธอที่ชานเมืองแนชวิลล์ และเริ่มเรียนโฮมสกูล ซึ่งเธอได้พบกับ Zac Farro เป็นครั้งแรกพร้อม Josh พี่ชายของเขา และ Jeremy Davis มือเบสดั้งเดิมของ Paramore ในไม่ช้าพวกเขาก็ตัดสินใจก่อตั้งวงดนตรี อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขา All We Know Is Falling ออกในปี 2005 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แนวทางของแวดวงดนตรี แตกต่างไปจากปัจจุบันมาก

ในฐานะผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่ร้องนำวงดนตรีป๊อปพังก์ แนวเพลงที่ใหม่มาก ใหม่ขนาดที่ทางวงยังไม่มีชื่อ Williams รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ยกเว้น Gwen Stefani จาก No Doubt และ Avril Lavigne (ซึ่ง Williams ต้องเผชิญกับการเปรียบเทียบอย่างต่อเนื่อง) สมัยนั้นไม่ค่อยมีผู้หญิงในวงดนตรีเท่าไหร่ และในฐานะวัยรุ่นที่เติบโตในทางตอนใต้ของอเมริกา เธอมีความกดดันมากมาย ความกดดันจากรูปลักษณ์ภายนอก (ต้องเป็นผู้หญิงเกินควรและเซ็กซี่ สำหรับหนุ่มๆ) ความกดดันที่ต้องแสดงกริยาในทางใดทางหนึ่ง (ต้องมีท่าทีเหมือนผู้หญิง) และแรงกดดันในการอยู่ในกรอบแคบๆ ที่เธอสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสาวๆ โดยไม่สำเร็จมากไปจนคุกคามคนรอบข้างเธอโดยเฉพาะผู้ชาย Williams อยากเป็นทุกสิ่ง ยกเว้นสิ่งที่โลกอยากให้เธอเป็น เธอต้องการที่จะเข้ากับหนุ่มๆ และเธอถูกรายล้อมอยู่บ่อยครั้ง มันพิสูจน์ว่า Paramore เป็นมากกว่า “วงเกิร์ลแบนด์” (ภาพ Warped Tour 2005 ซึ่งเป็นงานวงดนตรีที่ line up ยาวเป็นหางว่าว จน Paramore ถูกผลักไสให้ไปขึ้นเวทีสีชมพูดำ Shiragirl)

มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่วัยรุ่น ในดนตรีแนวป๊อปพังก์ที่ดูเหยียดผู้หญิง Williams เล่าถึงช่วงเวลาที่เธอเดินเข้าไปในสถานที่จัดงาน และผู้คนต่างคิดว่าเธอเป็น “คนขายของที่ระลึก” มีหลายครั้งในทัวร์ที่สมาชิกฝูงชนตะโกนใส่เธอ และที่แย่กว่านั้นคือ ขว้างถุงยางอนามัยใส่เธอในขณะที่เธอกำลังแสดง

แต่มันก็ใช้เวลาไม่นานสำหรับวงในการพิสูจน์ว่าคนที่ไม่ยอมรับนั้นคิดผิดถนัด พวกเขาขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 ครั้งแรกในปี 2007 ด้วยเพลง “Misery Business” ซิงเกิลนำจากอัลบั้มที่สอง Riot! ซึ่งในขณะนั้นได้ส่งทางวงเข้าสู่เมนสตรีม และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทำให้ชื่อของพวกเขาสื่อถึงวัฒนธรรมป๊อปพังก์ ต่อมา ทางวงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากงานแกรมมี่ในปี 2008 และต่อมาได้รับรางวัลแกรมมี่ครั้งแรกในปี 2015 เมื่อเพลง “Ain’t It Fun” ได้รับรางวัลเพลงร็อคยอดเยี่ยม ล่าสุด Paramore ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ประจำปี 2024 สองสาขา สำหรับอัลบั้มร็อคยอดเยี่ยม และ สำหรับการแสดงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยม (Paramore ชนะทั้งสองสาขา)

อ่าน: Paramore คว้าสองรางวัล Grammy ครั้งที่ 66: Best Rock Album และ Best Alternative Music Performance

แม้ว่าในตอนแรก Paramore จะรู้สึกว่าพวกเขาไม่เข้ากับศิลปินแนวพังก์และอีโมวงอื่นๆ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้พวกเขากลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดี “นิสัยแปลกๆ เล็กๆ น้อยๆ หรือสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราแตกต่างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ฉันคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้” Williams กล่าว หากพวกเขาพยายามเลียนแบบสไตล์และเสียงของคนรอบข้าง ตอนนี้พวกเขาอาจถูกมองว่าเป็นเพียงวงดนตรีที่ทำให้ถูกระลึกถึงจากยุคสมัยหนึ่ง แทนที่จะเป็นวงดนตรีที่พัฒนาไปตามกาลเวลา “เพราะเราเริ่มต้นยังเด็กมาก” Williams กล่าวเสริม “เรารู้ว่าเราเป็นคนนอกรีตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจเป็นเพราะตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กผู้หญิง หรือเป็นเพราะเราอาจจะไม่ใช่วงดนตรีที่เล่นหนักที่สุด แต่เราเล่นกับวงดนตรีเมทัลเหล่านั่น ฉันดีใจมากที่เราแตกต่างมากพอ เพราะเราแตกต่างพอที่จะโดดเด่น”

มิตรภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของ Paramore เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นจากคนรุ่นเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่วงดนตรีที่อยู่ด้วยกันมายี่สิบปีจะสนิทสนมกันขนาดนี้ “เรายังคงรักกัน และเรายังคงสร้างโลกใบนี้ ที่นำผู้คนเข้ามาชิดกัน และหลอมรวมถึงผู้คนไว้ด้วย โดยไม่มีการกีดกัน” Farro กล่าว “นั่นคือสิ่งที่ยืนหยัด ผ่านการทดสอบของกาลเวลา ไม่ใช่ว่าคุณสร้างเพลงที่ดีที่สุด หรือมีรถทัวร์วงมากที่สุด หรือมียอดสตรีมหรือยอดวิว TikTok มากที่สุด”

ความรักที่พวกเขามีต่อกันนั้นไม่อาจมองข้ามได้ แม้แต่บน Zoom ก็ตาม พวกเขาใช้เวลาทั้งบทสนทนาเพื่อล้อเลียน เล่าเรื่องตลก หรือหยุดพักการเสียดสีชั่วคราว เพื่อชื่นชมกันจากใจ และแม้กระทั่งหลังจากมิตรภาพที่ยาวนานถึง 20 ปี พวกเขาก็ยังสามารถทำให้กันและกัน รุ้สึกประหลาดใจได้ เหมือนกับตอนที่ Williams ยอมรับว่าเดิมทีเธอมีความคิดที่จะเริ่มทำเพลงโซโล ซึ่งเธอเปิดตัวในปี 2020 ในโปรเจ็กต์อันน่าทึ่งอย่าง Petals For Armor หรือจาก Farro HalfNoise วงดนตรีของเขาที่เพิ่งทิ้ง LP ใหม่ City Talk เป็นจุดสนใจหลักของเขาเมื่อเขาแยกทางกับ Paramore ระหว่างปี 2010 ถึง 2017 “โอ้ เยี่ยมเลย นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอพูดแบบนั้น” Farro กล่าว ซึ่งได้รับสัญญาจาก Williams ที่จะชื่นชมเพื่อนร่วมวงของเธอบ่อยขึ้น

มิตรภาพของ Paramore ดำเนินมายาวนานถึง 6 สตูดิโออัลบั้ม มีดราม่าทางค่ายสั้นๆ และดราม่าภายในวงที่ไม่ค่อยสั้นเท่าไหร่ ซึ่งนำไปสู่การพูดกันแบบตรงไปตรงมาในปี 2020 ว่า “นั่นคือเหตุผลที่จะเหลือสมาชิกเพียงสามคนใน Paramore” แต่มันไม่ง่ายเสมอไปที่จะทำให้ทุกอย่างก้าวไปข้างหน้า เมื่อคุณเป็นวงดนตรีมายาวนาน การโปรโมตเพลงที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก: คุณเขียนอัลบั้ม บันทึกมัน ใช้เวลาหลายเดือนในการออกทัวร์ กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และนอนดึกจนกว่าคุณจะป่วยหนักจนถูกบังคับให้ยกเลิกการแสดง หรือคุณมีพยายามส่งพลังจนถึงจุดที่คุณแทบจะไม่มีพลังงานเหลือ จากนั้นคุณจะฟื้นตัวได้ปกติสักสองสามเดือนก่อนจะกลับมารวมตัวกันและทำทุกอย่างอีกครั้ง

นี่คือรูปแบบที่ Paramore รู้ดีเช่นกัน จากจุดเริ่มต้น ตารางการเปิดตัวของวงมีกำหนดการที่เข้มงวดมาก ในตอนแรก พวกเขาจะมีเวลาสองสามชั่วโมงระหว่างเลิกเรียนกับการทำการบ้านทำเพลง ไม่นานก่อนที่วงจะเซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ และถูกโยนเข้าสู่วงการเพลงแบบวนลูป หลังจากทัวร์ After Laughter ของพวกเขา Paramore ก็ตัดสินใจหยุดวงจรนี้ด้วยการเว้นช่วงที่ตกลงร่วมกัน ดังที่ Williams กล่าวไว้ เวลานั้น (ปี 2018) เป็นช่วงสองสามปีสุดท้ายของวัยยี่สิบของพวกเขา และ “อาจเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตของเราแต่ละคน” สุขภาพกายของ Williams ขึ้นอยู่กับสุขภาพจิตของเธอ ซึ่งทำให้เธอต้องตรวจร่างกายในโรงพยาบาล York กำลังเผชิญกับเหตุการณ์นี้เช่นกันในขณะที่เขาต้องรับมือกับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดไป

แต่หากเปรียบเทียบแล้ว วงดนตรีอยู่ในสถานะที่ดีจริงๆ พวกเขาทำเพลงที่พวกเขารักและตอบรับโอกาสที่พวกเขาตื่นเต้นจริงๆเท่านั้น แม้จะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตส่วนตัวของเธอ Williams ก็ยังคงมองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นด้วยความรักในฐานะ “หนึ่งในช่วงชีวิตที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ในฐานะคนคนนึง” ดังนั้นการถอยห่างจาก Paramore จึงเป็นแนวทางในการเลิก ในขณะที่ยังมีอนาคตอยู่ข้างหน้า ทั้ง Williams และ York รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาจำเป็นต้องแยกตัวเองออกจากตัวตนภายใน Paramore และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังดูแลตัวเอง “หากเรารอจนเหนื่อยหน่ายหมดพลัง ฉันไม่คิดว่าเราจะกลับมาพร้อมกับความตื่นเต้น ความหลงใหล และความสดชื่นแบบเดียวกับที่เรารู้สึกได้” Williams เล่า

ในตอนแรก การเว้นช่วงทำให้สมาชิกวงได้มีเวลาพักผ่อนที่จำเป็นมาก แต่แล้วเมื่อถึงปี 2020 การหยุดพักก็เปลี่ยนจากการบังคับตัวเองไปเป็นการบังคับโดยรัฐบาล เนื่องจากการล็อกดาวน์กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ Williams เริ่มเขียนเพลงเดี่ยวของเธอ Farro เน้นไปทำเพลงที่ HalfNoise และ York ก็ทุ่มเทตัวเองให้กับงานโปรดักชั่น (ซึ่งรวมถึงโปรเจ็กต์เดี่ยวของ Williams ด้วย) ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า ความห่างหาย หรือความไกลกัน ทำให้ใจเรายิ่งคิดถึงกันมากขึ้น และการหายไปคือสิ่งที่วงนี้ต้องการอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถจุดประกายความหลงใหลใน Paramore ขึ้นมาอีกครั้ง “ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราทุกคนสามารถเลือกที่จะกลับมาร่วมกัน ว่าเราพร้อม เรามีเรื่องที่จะพูด และเราจำเป็นต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน” York กล่าว

และด้วยอัลบั้ม This Is Why Paramore ก็มีอะไรจะพูดอย่างแน่นอน เพลง “This Is Why” ที่มีชีวิตชีวา มุ่งโจมตีที่การใช้รูปภาพ การแสดงออกทางโซเชียล เช่น Instagram และ แคปชั่นข้อความบนอินเตอร์เน็ตที่แทบไม่มีเนื้อหา และต้องเผชิญกับความอยุติธรรมทางสังคม ในขณะเดียวกัน “Big Man Little Dignity” ที่ดังก้องกังวานก็ทำหน้าที่เป็นการโจมตีผู้ชายห่วยๆ ที่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา เพลงแนวเสียดสีแต่ไพเราะอย่าง “C’est Comme ça” กล่าวถึงการเดินทางเพื่อการรักษาจิตใจของ Williams และความวิตกกังวล และเมื่อเธอหลุดพ้นจากความบอบช้ำในอดีต เธอก็ดันไม่มีแรงบันดาลใจจะเขียน ดังที่เธอเคยกล่าวไว้ว่า “การใช้ชีวิตโดยประมาท อาจทำชีวิตโรแมนติก” และบางครั้งชีวิตที่ประมาทก็รู้สึกเหมือนเป็นความต้องการของร็อคสตาร์เช่นกัน ในขณะที่ “The News” เป็นคำวิงวอนขอความมั่นคง โดยสื่อว่า การต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกนั้น ไม่ดีต่อสุขภาพเพียงใด และมีเพียงอภิสิทธิ์ชนเท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่ในความโง่เขลาที่แสนสุข

แม้จะมีไอเดียมากมายที่รวมอยู่ใน This Is Why แต่ ณ เวลานั้น Paramore ก็ไม่แน่ใจว่าเป้าหมายของพวกเขาสำหรับอัลบั้มนี้คืออะไร เมื่อพวกเขากลับมารวมกลุ่มใหม่ และเริ่มเขียนเซสชั่นต่างๆ แต่พวกเขามีเป้าหมายเดียวในใจ: ทำให้ทุกอย่างสนุกสนาน เคล็ดลับในการทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริง ส่วนหนึ่งคือการที่ Farro กลับมาสู่กระบวนการเขียนอัลบั้มทั้งหมดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ Brand New Eyes “มีบางอย่างเกี่ยวกับการรวมตัวของเราสามคนที่ฉันคิดว่าได้ผล และเรารักษาสมดุลระหว่างกันและผลักดันกันและกันให้บ้าคลั่งไปในทางที่ถูกต้อง” Williams กล่าว ไม่ว่าจะเป็นการที่ Hayley มาเล่นเปียโนเพื่อให้ความคิดสร้างสรรค์พรั่งพรูออกมา ซึ่งเป็นนิสัยที่เธอสร้างขึ้นขณะเขียนเพลงเดี่ยว หรือการอุทิศเวลาเพื่อออกไปเที่ยวในฐานะ “เพื่อนปกติ” Paramore เข้าหา This Is Why ด้วยมุมมองที่ไร้ความกังวลมากขึ้น “มันดีที่สุดที่ และมันได้ผลเพราะอัลบั้มรวมไปด้วยความสุข สนุกสนานไปกับมัน และเอาจริงเอาจังที่อยากจะท้าทายกันและกัน ทำให้ตัวเราเองให้ดีขึ้นทุกๆครั้ง”

Farro เห็นด้วย: “ตอนนี้วงของเรารู้สึกเหมือนเป็นวงดนตรีที่แตกต่างจากตอนที่เราเริ่มก่อตั้ง ในทางที่ดีจริงๆ” Farro กล่าว “ผมคิดว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องดีที่จะแยกตัวออกจากบางสิ่งบางอย่างสักหน่อย แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมคุณถึงชอบมันมาก”

เป็นเวลานานแล้วที่ Paramore รู้สึกเหมือนเป็น “เพื่อน” ที่ไม่ใช่แค่สมาชิกวง เป็นปีๆก็ว่าได้ และมีการเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งวงเอง และวงการเพลงจากยุคนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อตอน Paramore เริ่มต้น Williams ยังคงโพสต์อัปเดตบน LiveJournal และทางวงก็สงสัยว่าการโปรโมตตัวเองบน MySpace และ PureVolume นั้นคุ้มค่ากับความพยายามหรือไม่ “เราเป็นวงดนตรีที่ผ่านยุคการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีมากมาย และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมากมาย” วิลเลียมส์กล่าว “ฉันไม่เข้าใจจริงๆนะ ว่าเรายังอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ฉันรู้สึกโชคดีมาก”

ตอนนี้การโปรโมตเพลงด้วยตนเองแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในยุคแรกๆ ของ Paramore “งานถึก” เคยดูเหมือนการขายสินค้าที่ขายไม่ออก เป็นเวลานานๆ หรือใช้เวลาช่วงบ่ายแจกใบปลิวเป้นกลยุทธ์การตลาด แต่ตอนนี้ ศิลปินจำเป็นต้องค้นหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการโปรโมตเพลงของพวกเขาบน TikTok ซึ่งเป็นสิ่งที่ York นับถืออย่างมาก “ผมไม่รู้ว่าเราจะรอดมั้ย ถ้าหากเราพึ่งคิดจะเริ่มต้นตอนนี้” เขากล่าว “ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าเราต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนตลอดเวลาเพื่อให้พวกเขาสนใจ ดังนั้น ในบางแง่ เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมเหล่านี้ หากต้องการเชื่อมโยงกับผู้คน แต่ในขณะเดียวกัน เราจะไม่โพสต์คลิปวิดีโอ 10 ชิ้น สำหรับคลิปเพลงเดียวกัน”

แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันว่าอุตสาหกรรมเพลงได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและแย่ลงนับตั้งแต่ต้นปี 2000 แต่ความผิดหวังที่ Williams รับไม่ได้ คือพื้นที่ที่ศิลปินสามารถโต้ตอบตรงๆถึงแฟนๆ คุณไม่สามารถพูดคุยกับแฟน Paramore ทางอินเทอร์เน็ตได้” เธอกล่าว “หากฉันพยายามสื่อสารกับแฟนๆ ของเราอย่างแท้จริงด้วยการบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของฉันและชีวิตของวงดนตรีของเรา หรือแม้แต่ว่าฉันแค่พูดถึงสิ่งที่เราประสบขณะทำอัลบั้ม นั่นจะไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไป” เธอกล่าว เพื่อพิสูจน์ประเด็นของเธอ Williams จึงตั้งสถานการณ์สมมติขึ้นเกี่ยวกับการมีอาการท้องร่วงกลางดึกและต้องการบอกแฟนๆ ของเธอว่าเธอ ‘ตื่นขึ้นมาในกองอึ’ “เมื่อฉันกด ‘ส่ง’ หรือ ‘เผยแพร่ ‘ มันจะกลายเป็นพาดหัวข่าวคลิกเบตทันที” เธอกล่าวเสริม แม้ว่าเธอเห้นด้วยว่า “Hayley Williams ประกาศว่าเธอเคย ‘ตื่นขึ้นมากลางกองอึ'” จะเป็นการพาดหัวข่าวที่ดีก็ตาม

อย่างไรก็ตาม Paramore รู้สึกขอบคุณพื้นที่อย่าง TikTok ที่ช่วยแนะนำผู้ฟังหน้าใหม่ให้รู้จักกับดนตรีของพวกเขา และมอบตำแหน่งที่ถูกต้องของวงในฐานะผู้อุปถัมภ์ป๊อปพังก์ให้กับคนรุ่นใหม่
ในปัจจุบัน ศิลปินตั้งแต่ Olivia Rodrigo และ Billie Eilish ไปจนถึง Willow Smith และ Lil Uzi Vert ยก Paramore มาเป็นแรงบันดาลใจ ในความเป็นจริง Uzi ให้เครดิต Williams ว่าเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในดนตรีของเขาเอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องจริง เมื่อทางวงเชิญ Uzi ขึ้นบนเวทีเพื่อแสดง “Misery Business” ที่ Madison Square Garden ในเดือนพฤษภาคม Uzi ยังขอให้ทางวงร่วมแสดงในเพลงหนึ่งของพวกเขา ซึ่งสุดก็ถุกปฏิเสธเพราะทางวงไม่ได้ “อยากมีชื่อเสียงขนาดนั้น”

เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้เห็นฝูงชนของ Paramore แผ่ขยายตามกาลเวลา Williams ก็ยิ้มแย้ม “ดูสิ เด็กผิวสีชอบดนตรีร็อคมาโดยตลอด” Williams กล่าว “มีคนเคยฟังเพลงวงดนตรีของเราซึ่งไม่ได้ถูกนับรวมไว้ด้วย” เธอตั้งข้อสังเกตว่าอัลบั้ม Self-Titled และซิงเกิลฮิตอย่าง “Ain’t It Fun” คือตอนที่ Paramore สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ

“นั่นคือตอนที่วงนี้และสิ่งที่เราทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ เริ่มรู้สึกถูกต้องและมาถูกทาง” วิลเลียมส์กล่าว “มันรู้สึกมีความสุขมากขึ้น รู้สึกเหมือนได้สะท้อนโลกที่เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งด้วย และรู้สึกเหมือนว่าเรามีบางสิ่งบางอย่างที่เราสื่อถึงได้จริงๆ การได้เห็นห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย พยายามสนับสนุน และเปิดพื้นที่ให้กับทุกคนที่รักดนตรีกับกีตาร์” ตอนนี้ Williams ชอบที่ได้เห็นผู้คนได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีของ Paramore และยังกำหนดนิยามใหม่ๆว่าดนตรีอัลเทอร์เนทีฟจะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร “มันเจ๋งมากที่ได้เห็นผู้คนถามหา อีโมซีนหรืออัลเทอร์เนทีฟ และแบบว่า ‘มันต้องที่ว่างสำหรับพวกเราทุกคนเสมอ’”

แม้ว่า Paramore จะคุ้นเคยกับการดึงดูดฝูงชนจำนวนมากในสนามกีฬาและบนเวทีงานเทศกาล แต่การเปิดตัวทัวร์ยุโรปสำหรับ Taylor Swift ที่กำลังจะมีขึ้นจะแตกต่างออกไป มีกำหนดจะดึงดูดผู้ชมจำนวนมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยแสดงมาในอาชีพการงาน 20 ปี ที่จริงแล้ว วงดนตรีได้เรียกการแสดงว่าเป็น “voyage” หรือ “journey” มากกว่า “tour” แม้ว่าเพลงของ Paramore และ Swift จะดูเหมือนมีอยู่ในโลกที่แตกต่างกันสองโลก แต่พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่บนเส้นทางอาชีพคู่ขนานกัน

“เราเป็นศิลปินสองกลุ่ม ที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ในเวลาเดียวกัน” Williams กล่าวในขณะที่ York พูดติดตลก “และเราก็ยิ่งใหญ่พอๆ กัน”
“ฉันหมายความว่า เรารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะอยู่ในวงการดนตรีได้นานขนาดนี้ มันน่าทึ่งมากกับสิ่งที่เธอต้องผ่านมา และไม่เพียงแต่สามารถยืนหยัดได้เท่านั้น แต่ยังพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปในฐานะศิลปิน และยิ่งใหญ่ขึ้นในเสน่ห์ของเธอ เราเองก็อยู่กับสิ่งนี้มานานแล้ว และเราเอาชีวิตรอดมาได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายวงตัวเอง หรือเพราะอุตสาหกรรมดนตรี หรือเพราะโลกก็แล้วแต่ แต่การได้เล่นกับศิลปินอย่างเธอ สำหรับฉันแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน และเราได้เจอเรื่องเลวร้ายมามากขนาดไหน และตอนนี้ถึงเวลาที่จะมีความสนุกสนานในช่งซัมเมอร์แล้ว”

ตอนนี้ Paramore ใช้เวลาหนึ่งปีในการทัวร์ This Is Why (และต้องดูแลตัวเองให้ดีขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังทำบทบาทนี้) บทชีวิตหนึ่งในอาชีพของวงได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ตอนนี้พวกเขาปฏิบัติตามพันธสัญญาของป้ค่ายเพลงทั้งหมดแล้วและเป็นวงอิสระที่น่าสนใจ
สำหรับอนาคตของ Paramore สมาชิกทั้งสามคนต่างเห็นพ้องกันว่า มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ พวกเขาจะยังคงอยู่ด้วยกัน และพวกเขาจะยังคงสนุกสนานกันต่อไป “สิ่งเดียวที่สำคัญคือเราจะยังคงเป็นคอมมิวนิตี้ของกันและกัน” วิลเลียมส์กล่าว Farro เห็นด้วย: “ฉันแค่หวังว่าเราจะสามารถสร้างครอบครัวของ Paramore ต่อไป ให้โลกได้รับรู้” และไม่ว่าพวกเขาจะจบลงที่ใด กลุ่มฐานแฟนๆ ขนาดใหญ่ที่ Paramore ได้ปลูกฝังก็จะอยู่ที่นี่เพื่อพวกเขาเช่นกัน

paramorebkk
0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments