2002-2004


ช่วงฟอร์มวง เริ่มต้นผลงาน

ในปี 2002 เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์ที่อายุ 13 ปีย้ายที่อาศัยจาก เมอร์ริเดียน มิสซิซิปปี ไปที่ ฟรานคลิน เทนเนสซี
เป็นที่ที่เธอได้พบกับจอช ฟาร์โร และ แซค ฟาร์โร ในขณะที่เธอกำลังเรียนหนังสือ

หลังจากที่ย้ายไปได้ไม่นาน เธอก็เริ่มฝึกเรียนร้องเพลงกับ เบร็ท แมนนิ่ง เพื่อเริ่มฟอร์มวงพาอะมอร์
เฮย์ลีย์กับเจเรมีมือเบส และคิมี เรด ได้ร่วมกันตั้งวงฟังค์คัฟเวอร์ (วงที่ร้องเพลงเกี่ยวกับความเศร้า หดหู่) โดยมีชื่อวงว่า “The Factory” ในขณะที่จอช และ แซค ก็ฝึกซ้อมด้วยกันหลังเลิกเรียน

ในระหว่างที่สมาชิกคนอื่นๆในวงพาอะมอร์กำลังกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ความเป็นผู้หญิงของวง เพราะมี เฮย์ลีย์เพียงคนเดียวในวงที่เป็นผู้หญิง แถมยังเป็นร้องนำ แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนซี้กัน เธอจึงเริ่มทำงานเพลงได้ เฮย์ลีย์พูดถึงหนุ่มๆในวงเกี่ยวกับครั้งแรกที่เจอกันว่า

พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ฉันพบ ที่สนใจดนตรีในแบบที่ฉันเป็น

Hayley Williams

อย่างไรก็ตามเฮย์ลีย์ถูกทาบทามให้เซ็นสัญญาในปี 2003 โดยผู้จัดการส่วนตัว Dave Steunebrink และ Richards Williams ตอนนั้นเธออายุเพียง 14 ปี โดยทางค่ายวางแผนให้เธอเป็นนักร้องเพลงป๊อป แต่เฮย์ลีย์ไม่ยอม กล่าวว่าเธอต้องการเล่นเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ร็อค และต้องการทำงานกับวงดนตรี

บทสัมภาษณ์ของ Dave Steunebrink เกี่ยวกับ Paramore ตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 13 เป็นต้นไป
ช่วงที่สองของบทสัมภาษณ์กับ Dave Steunebrink พูดคุยเกี่ยวกับ Paramore และสัญญา 360

ในบทสัมภาษณ์กับ HitQuarters ของสตีฟ โรเบิร์ตสันได้กล่าวว่า

เธอต้องการมั่นใจว่า พวกเราไม่ได้มองเธอเหมือนกับ 40 สุดยอดเจ้าหญิงเพลงป๊อป เธอต้องการให้เธอและสมาชิกในวงมีโอกาสที่จะได้ร่วมแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือเพลงร็อค และเขียนเพลงด้วยตัวของพวกเขาเอง

Steve Robertson

วงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2004 โดยมี จอช ฟาร์โร (กีตาร์นำ/ร้องเสริม) แซค ฟาร์โร (กลอง), เจเรมี เดวิส (เบส) และ เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์ (ร้องนำ)และต่อมาได้เพิ่มสมาชิก เจสัน ไบนัม (กีตาร์รอง) ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเฮย์ลีย์ ในขณะเดียวกันที่เจเรมีเริ่มฟอร์มวง เขาเสียสมาธิเนื่องจากรู้ว่ามือกลองอายุเพียง 12 ปี เขากล่าวว่า

ผมมีความเชื่อมั่นในวงน้อยมาก ในเรื่องของอายุพวกเขา ผมยังจำได้ว่าเคยคิดว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่วงจะดำเนินไปได้ เพราะเขายังเด็กเกินไป แต่วันแรกที่เราฝึกกัน มันสุดยอดมาก เหมือนว่าเรามีบางอย่างที่เชื่อมถึงกัน

Jeremy Davis

เฮย์ลีย์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “พาอะมอร์” ได้มาจากชื่อของแม่ของมือเบสคนแรกของวง ต่อมาพวกเขาถึงเข้าใจ ความหมายของ Paramore ซึ่งคือ Paramour (พา – อะ – มัวร์) หรือความรักที่หลบซ่อน พวกเขาจึงขอใช้ชื่อนี้ แต่ออกเสียงว่า พาอะมอร์

เพลงของ Paramore นั้นเดิมแล้วต้องถูกปล่อยโดย Atlantic Records แต่ทางฝ่ายการตลาดคิดว่าจะดีกว่าถ้าให้วงไม่อยู่ติดกับค่ายยักษ์ จึงให้ทางวงอยู่ภายใต้ค่ายเพลง Fueled By Ramen
ผู้อำนวยการ Warner Music ไลเออร์ โคเฮน ได้ใช้ค่ายอิสระ Fueled By Ramen ซึ่งได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางการดนตรีด้วยกัน และตั้งค่ายเพลงร็อคซึ่งเหมาะกับวง พาอะมอร์

ตามที่ โรเบิร์ทสัน กล่าวไว้ในขณะที่วงเริ่มทำงานกับค่ายฟิวด์บายราเมนของ CEO จอห์น จานิค “เขามองเห็นวิสัยทัศน์ของวงทันที” จานิคได้ไปชมงานแสดง Taste of Chaos ที่ ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เพื่อดูพวกเขาเล่นสดในปี 2005 หลังจากจบงานแสดงเล็กๆนั้น วงพาอะมอร์ก็ได้จดสัญญากับแอตแลนติก เรคคอร์ด และ ฟิวด์บายราเมน

เพลงแรกที่ถูกแต่งขึ้นด้วยกันในวงคือเพลง “Conspiracy” ซึ่งใช้เป็นเพลงปล่อยอัลบั้ม ในปี 2004 ซึ่งในขณะนั้น พวกเขาก็เริ่มออกทัวร์ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีครอบครัววิลเลียมส์ช่วยในเรื่องการเดินทาง เฮย์ลีย์กล่าวว่า

สมัยนั้น พวกเราคิดว่าหลังเรียนเราจะกลับบ้านเพื่อไปฝึกซ้อม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เรารัก และมีความสุขกับมัน ฉันไม่คิดว่าพวกเราจะรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อและกลายมาเป็นวงนี้ของเรา

Hayley Williams

ก่อนที่จะเริ่มออกทัวร์ พาอะมอร์ก็ได้เพิ่ม จอห์น เฮมบรี (เบส) เข้ามาแทนตำแหน่งของ เจเรมี เดวิส

John Hembree ในวงกลม
Paramore บนเวที Shiragirl

ในระหว่างช่วงฤดูร้อน พาอะมอร์ก็ได้ขึ้นแสดงวาร์ปทัวร์ที่เวทีชีร่าเกิร์ล ในปี 2005
หลังจากถูกขอร้องจากวง เจเรมี เดวิสก็กลับเข้าร่วมวงพะอามอร์ หลังจากที่จากกันไปนาน 5 เดือน และมาแทนที่ เฮมบรี

อัลบั้ม All We Know Is Falling ปล่อยเมื่อ 24 กรกฎา ปี 2005 และไต่ขึ้นอันดับที่ 30 ในชาร์ตบิลบอร์ดฮีตซีคเกอร์
พาอะมอร์ปล่อยซิงเกิล “Pressure” เป็นเพลงแรก กำกับมิวสิกวิดีโอโดย เชน เดรค แต่เพลงไม่สามารถไต่ชาร์ตได้
ในวิดีโอเป็นภาพที่พวกเขากำลังแสดงอยู่ในโกดัง และสุดท้ายสปริงเคิลฉีดน้ำก็พ่นน้ำออกมา ซึ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งของคู่รักคู่หนึ่ง

ในเดือนกรกฎาคม เพลง “Emergency” ได้ถูกปล่อยเป็นเพลงที่สอง และวิดีโอได้แสดงถึงการกลับมารวมตัวกันของวงอีกครั้ง โดยผู้กำกับคนเดิม Shane Drake ได้ความร่วมมือจาก Hunter Lamb (กีตาร์รอง) ที่มาแทน Jason Bynum ในเดือนธันวาคมปี 2005

วิดีโอ “Emergency” แสดงภาพลักษณ์ของวงในอีกบทบาท ครั้งนี้มีการทำคอสตูมให้เปื้อนเลือดด้วย

ซิงเกิลที่สาม “All We Know” ถูกปล่อยโดยกำหนดช่วงเวลา กับวิดีโอที่ร่วมเบื้องหลังการแสดงสด (All We Know Is Falling และ Pressure certified Gold โดย RIAA)

ในเดือนมกราคมปี 2006 พาอะมอร์ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ทัวร์ Winter Go West เล่นคู่ไปกับวงดนตรีจาก ซีแอตเทิล วง Amber Pacific และ The Lashes ในเดือนกุมภาพันธ์ เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์ ได้แสดงในงาน “Keep Dreaming Upside Down” ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเดือนตุลา ปี 2006 ช่วงฤดูใบไม้ผลิ พาอะมอร์เริ่มคิวทัวร์ที่ Bayside ,The Rocket Summer พวกเขาทัวร์ในอังกฤษตั้งแต่ 5-15 ตุลาคม จบลงที่ลอนดอนที่ The Mean Fiddler และร้องเพลง “My Hero” คัฟเวอร์วง Foo Fighters ในภาพยนตร์เรื่อง Sound of Superman ที่ฉายในวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2006

Hayley Williams บนเวที Warped Tour ปี 2006

ในระหว่างฤดูร้อนในปี 2006 พาอะมอร์ได้แสดงวาร์ปทัวร์ส่วนหนึ่ง ที่ Volcom และ Hurley Stages และคืนแรกของพวกเขาที่ Main Stages ในบ้านเกิดของเขาที่ แนชวิลล์ เทนเนสซี

พาอะมอร์ เริ่มทัวร์ในอเมริกาในวันที่ 2 เดือนสิงหาคม ปี 2006 และขายตั๋วหมดพร้อมวงรับเชิญ This Providence, Cute Is What We Aim For และ Hit the Lights


ในโชว์สุดท้ายที่แนชวิลล์ ในปีนั้น พวกเขาได้รับโหวตให้เป็น วงดนตรีหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และเฮย์ลีย์ได้รับโหวตให้เป็น อันดับ 2 นักร้องสาวเสียงเซ็กซี่ จากผู้อ่านนิตยสาร Kerrang! ประเทศอังกฤษ

ในปี 2007 Hunter Lamb ลาออกจากวงเพื่อไปแต่งงาน แต่พาอะมอร์ยังคงเล่นกันต่อไปด้วยสมาชิก 4 คน จากนั้นพาอะมอร์ก็ได้รับรางวัล “New Noise 2007” จากนิตสาร NME ของประเทศอังกฤษ
ในเดือนมกราคม พาอะมอร์ได้เล่นเพลงอคูสติกในงานเปิดตัวของ Warped Tour ที่ Roll Hall of Fame และชุดที่เฮย์ลีย์ใส่คือชุดเดียวกับในวิดีโอเพลง Emergency

พาอะมอร์ได้ลงนิตยสาร Kerrang! อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เฮย์ลีย์ เชื่อว่า บทความนั้นในนั้นไม่สื่อถึงภาพลักษณ์ของวง เพราะทุกคนโฟกัสเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น หลังจากนั้น เฮย์ลีย์ ก็ได้เขียนประเด็นนี้ลงใน Live Journal ของวง โดยมีหัวข้อว่า

เราโตโดยไม่ต้องพึ่งปกนิตยสาร ขอโทษด้วยนะถ้ามันทำให้คนของ Kerrang! ไม่พอใจ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีความจริงสักนิดในบทความนั้น

Hayley Williams

ในเดือนเมษายน เฮลีย์ วิลเลียมส์ได้ร่วมร้องเพลง Then Came To Kill ของ The Chariot พวกเขาออกทัวร์ในต้นปี 2007 กับวง This Providence และ The Almost และ Love Arcade.


ปล่อยอัลบั้มในวันที่ 12 เดือนมิถุนายน ปี 2007
หลังจากปล่อยอัลบั้ม Riot! ก็ไต่ชาร์ต Billboard 200 ในอันดับที่ 20 และ UK ชาร์ตในอันดับที่ 24 ขายได้ 44,000 ก๊อปปี้ ในสัปดาห์แรกที่ประเทศอเมริกา
ชื่อ Riot! ถูกเลือกมาใช้เพราะความหมายสื่อถึงการกักอารมณ์ไว้ไม่อยู่

ซิงเกิลแรกคือเพลง “Misery Business” ปล่อยเมื่อวันที่ 21 เดือนมิถุนายน ปี2007 ตามที่เฮย์ลีย์ได้กล่าวว่า

เพลงนี้จริงจังกว่าเรื่องไหนๆ เท่าที่ฉันเขียนมา และพวกผู้ชายก็เหมาะกับอารมณ์เพลงมาก

Hayley Williams

ในฤดูร้อนปี 2007 พาร์อะมอร์ได้ร่วมแสดงในงาน Warped Tour ซึ่งเป็นครั้งที่สามของพวกเขา และโพสต์ข้อความประสบการณ์ลงบนบล็อกในเว็บ MTV ในเดือนมิถุนายน พวกเขาได้รับลงนิตยสาร Rolling Stone ในกลุ่ม “Ones to Watch” พาอะมอร์ยังแสดงสดฉายทางโทรทัศน์ของ Fuse Networks

Paramore ที่งาน Warped Tour ปี 2007

ซิงเกิลที่สองคือ “Halleujah” ปล่อยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ปี 2007 และขายทางอินเตอร์เน็ตและโทรทัศน์ในประเทศอังกฤษ
วิดีโอออกมาคล้ายๆกับเพลง All We Know ซึ่งเป็นภาพรวมการแสดงสดและหลังเวทีของพวกเขาในเดือนตุลาคม ปี 2007

พาอะมอร์ได้ร่วมโฆษณาให้กับ MTV ทางโทรทัศน์ เล่นเพลงเวอร์ชันอคูสติก และ แสดงโฆษณาสั้นเพื่อเป็นจุดขายของรายการใน MTV เช่น “MTV Artists of the Week” เป็นภาพวงกำลังตั้งแคมป์ ที่ Queens, New York เขียนบทและกำกับโดย Evan Silver และ Gina Fortunato MTV.com ยังทำคอลเล็กชั่นโฆษณาเพื่อโปรโมทอัลบั้ม Riot!

MTV Spots ของ Paramore ปี 2007

ระหว่างสัปดาห์ในเดือนสิงหาคม ปี 2007 วิดีโอเพลง Misery Business ได้อันดับ 1 ที่เปิดดูมากที่สุดใน MTV.com

ในวันที่ 8 เดือนตุลาคมพาอะมอร์เล่นสดเพลง Misery Business ในรายการ Late Night with Conan O’Brien

ในเดือนสิงหาคมพาอะมอร์มีร่วมแสดงมิวสิกวิดีโอของวง New Found Glory ซึ่ง คัฟเวอร์วง Sixpence None the Richer เพลง Kiss Me

ในวันที่ 11 เดือนตุลาคม ปี 2007 มิวสิกวิดีโอเพลง Crushcrushcrush ได้ปล่อยในโทรทัศน์ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นอีกซิงเกิลจากอัลบั้ม Riot!
วิดีโอเพลง Crushcrushcrush เป็นภาพของสมาชิกในวงแสดงดนตรีกลางทะเลทราย และหลังจากนั้นท้ายสุดก็ทำลายเครื่องดนตรีของตัวเองซิงเกิลนี้ปล่อยในอเมริกาในวันที่ 19 พฤศจิกายน และ ในอังกฤษ

วันที่ 12 ปี 2007 เฮย์ลีย์วิลเลียมส์ ยังได้ร่วมร้องเพลง “The Church Channel” และ “Plea” ให้กับวง Say Anything อัลบั้ม In Defense of the Genre ซึ่งปล่อยในวันที่ 23 เดือน ตุลาคม ปี 2007
พาอะมอร์แสดงสด และ อคูสติกใน Boston วันที่ 29 เดือนพฤศจิกายน ปี 2007 ให้กับวิทยุ FNX วันที่ 31 ดือนธันวาคม ปี 2007 พาอะมอร์แสดงให้กับรายการ MTV New Year’s Eve ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ห้าทุ่มครึ่ง ถึง ตีหนึ่ง

พาอะมอร์ได้ลงปกนิตยสาร Alternative Press ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 ในหัวข้อที่ได้รับโหวตให้เป็น “Best Band Of 2007” ผลสำรวจจากผู้อ่าน
วงยังได้เข้าชิงรางวัล “Best New Artist” ในงานครบรอบ 50ปี Grammy Awards จัดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปี 2008 แต่แพ้ให้กับ Amy Winehouse

ต้นปี 2008 พาอะมอร์ได้ทัวร์ในประเทศอเมริกา เพื่อโปรโมทอัลบั้ม Riot! ร่วมกับวง New Found Glory, Kids in Glass Houses และ Conditions

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 พาอะมอร์ได้เริ่มทัวร์ในยุโรป อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2008 พาอะมอร์ได้ประกาศจะยกเลิกงานแสดง 6 ที่ ซึ่งเกิดจากปัญหาส่วนตัวของวง เฮย์ลีย์เขียนในเว็บของวงว่า

การพักครั้งนี้จะให้โอกาสวงได้มีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตาและทำหน้าตาของแต่ละคน

Hayley Williams

MTV.com รายงานว่าแฟนเพลงของพาอะมอร์กำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของวง และมีการายงานว่าวงเริ่มจะมีปัญหา เนื่องจากจอช ฟาร์โร ระบายความโกรธเกี่ยวกับสื่อที่โฟกัสมาที่เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์ แต่ในที่สุดพาอะมอร์ก็กลับสู่บ้านเกิด และทำมิวสิกวิดีโอซิงเกิลที่ 4 “That’s What You Get” และปล่อยในวันที่ 24 เดือนมีนาคม ปี 2008

พาอะมอร์ทัวร์ร่วมกับ Jimmy Eat World ในอเมริกาช่วงเดือนเมษายน และ พฤษภาคม และแสดงในงาน Give It A Name festival ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 10 และ 11 เดือนพฤษภาคม ปี 2008 และยังได้แสดงในงาน In New Music We Trust Stage at Radio 1’s One Big Weekend ที่ Mote Park, Kent วันที่ 10 ด้วย
พาอะมอร์เล่นโชว์ที่ บนเกาะครั้งแรก ที่ RDS ใน Dublin วันที่ 2 เดือนกรกฎาคม ปี 2008 ตามมาด้วย Vans Warped Tour วันที่ 1 – 6

ในรายการ TRL ของ MTV ร้องนำเฮย์ลีย์ได้กล่าวว่า พาอะมอร์กำลังทำอัลบั้มใหม่ และมีความหวังว่าจะได้ปล่อยในฤดูร้อนหน้า เฮย์ลีย์ กล่าวว่าเธอกับวงต้องซ้อมหนักเพื่อเพลงใหม่ระหว่างออกทัวร์
ในนิตยสาร Alternative Press แซค ฟาร์โรได้เดาถึงอัลบั้มใหม่ที่จะเกิดขึ้น ว่ากลิ่นอายจะคล้ายๆกับวง Mew, Thrice และ Arcade Fire

วันที่ 19 เดือน พฤษภาคม 2008 พาอะมอร์ประกาศลงบนเว็บของพวกเขาว่าพวกเขาจะออกทัวร์อีกครั้ง ด้วยชื่อว่า “The Final Riot!” เริ่มตั้น วันที่ 25 เดือน กรกฎาคม จนถึง 1 กันยายน ในทัวร์นี้พาอะมอร์จะร่วมแสดงเป็นส่วนหนึ่งของ Leonard Cohen เพลง Hallelujah

ในวันที่ 2 เดือนกันยายน ปี 2008 มีการขายเสื้อฮู้ด กับ เสื้อ Hurley จากอัลบั้ม Riot! รายได้ทั้งหมดบริจาคให้กับมูลนิธิ Love146

เพลง Decode เป็นซิงเกิลที่สร้างเพื่อภาพยนตร์ Twilight และกับอีกเพลงคือ I Caught Myself ซึ่งถูกรวมไว้ในแผ่นซาวน์แทร็คประกอบภาพยนตร์

เพลง Decode ปล่อยในวันที่ 1 เดือนตุลาคม ปี 2008 บนเว็บไซต์ของแฟนคลับพาอะมอร์ พร้อมกันกับเว็บของ Stephenie Meyer หลังจากนั้นก็เริ่มถ่ายวิดีโอเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม และฉายปฐมทัศน์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน

Hot Topicได้จัดปาร์ตีสำหรับผู้ฟังซาวน์แทร็คในวันที่ 24 ตุลาคม ปี 2008 และอัลบั้มได้ถูกปล่อยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2008 แถมด้วยเพลง Decode เวอร์ชัน อคูสติก

 พาอะมอร์ปล่อยอัลบั้มแสดงสด “The Final Riot!” ในวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน รวมด้วยโบนัสดีวีดีกับภาพคอนเสิร์ตในชิคาโก และเบื้องหลัง

ต่อมาวันที่ 9 เดือนเมษายน ปี 2009 The Final Riot! ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำจากอเมริกา




Paramore ใช้เวลาหกสัปดาห์ทำโปรดักชั่นล่วงหน้าที่สตูดิโอ Emac ที่ Franklin และถือเป็นครั้งแรกที่งานพรีโปรดักชั่น ไม่มีโปรดิวเซอร์คอยกำกับ ในขณะนั้นทางวงได้ Rob Cavallo คอยซัพพอร์ท และทางวงคาดว่าอัลบั้มนี้จะประสบความสำเร็จมากกว่าอัลบั้มที่ผ่านมา
ทางวงวางแผนที่จะอัดเสียงที่ Nashville แต่ท้ายที่สุดได้อัดที่ Calabasas, California กับ Rob Cavallo ในช่วงมีนาคม 2009

ในวันที่ 21 เดือนมกราคม ปี2009 พาอะมอร์ได้เป็นวงรับเชิญร่วมกับ Bedouin Soundclash, The Sounds, และ Janelle Monae ในทัวร์ No Doubt Summer Tour 2009 เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมปี 2009

พาอะมอร์เขียนเพลงจนเสร็จและเริ่มอัดอัลบั้ม Brand New Eyes ในต้นปี 2009

ซิงเกิลแรกได้ปล่อยออกมาคือเพลง “Ignorance” ปล่อยในวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม ปี 2009 วิดีโอเพลง Ignorance ถูกเปิดที่ MTV บนเว็บไซต์ต่างๆ ในเดือนสิงหาคม

พาอะมอร์และ Paper Route กับ The Swellers ออกทัวร์เพื่อขายอัลบั้ม Brand New Eyes ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2009 บางทัวร์ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากเฮย์ลีย์มีปัญหาเรื่องกล่องเสียงอักเสบ

ในวันที่ 23 เดือนพฤศจิกายน ปี 2009 พาอะมอร์ได้ปล่อยเพลง “Brick By Boring Brick” เป็นเพลงที่ 2 และวิดีโอถูกปล่อยลงบนเว็บไซต์ของพวกเขา หลังจากนั้น “The Only Exception” ก็ถูกปล่อยตามมา ในวันที่ 14 เดือนมกราคม ปี 2010 พาอะมอร์ประกาศว่าซิงเกิลต่อไปคงจะเป็นเพลง “Careful”

นอกจากนั้นพาอะมอร์ได้แสดงใน MTV Unplugged เพื่อโปรโมทอัลบั้ม

จากนั้นพาอะมอร์ก็ได้แสดงร่วมกับ You Me At Six, Paper Route และ Now Now Every Children ซึ่งตั๋วขายหมดเกลี้ยงที่ London’s Wembley Arena ซึ่งมีผู้ชมสูงถึง 12,500 คน วงเริ่มแสดงในปี 2010 ที่ Australian Soundwave Festival ร่วมกับวงอื่นๆเช่น Faith No More, Placebo, You Me at Six, All Time Low, Jimmy Eat World และ Taking Back Sunday

ก่อนทัวร์ Josh มือกีตาร์ได้ประกาศทาง Live Journal ของวงว่าเขาขอออกจากวงชั่วคราวเพื่อไปจัดงานแต่งงาน ซึ่ง Justin York ก็ได้มาแทนตำแหน่งของเขา หลังจากที่จอชกลับมา ก็จัดทัวร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อเมริกา ในช่วงปลายเดือนเมษา

เดือนเมษาปี 2010 พาอะมอร์ได้ประกาศจะออกทัวร์กับงาน Honda Civic Tour ซึ่งเป็นทัวร์ที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา วงอื่นๆที่เข้าร่วมคือ Tegan and Sara, New Found Glory และ Kadawatha เริ่มทัวร์ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม ที่ Raleigh , NC และหมดทัวร์วันที่ 19 กันยายน ที่ Anaheim, CA ในเดือนพฤษภาคม

วันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 2010เพลง “Playing God” ได้ถูกปล่อยลงบนเว็บ Paramore สำหรับให้สมาชิกเท่านั้น และวันต่อมาก็ปล่อยลง Youtube  

หลังจากทัวร์ที่อังกฤษ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 ในเดือนธันวา ทางวงประกาศทัวร์อเมริกาใต้ของปี 2011 เดือนกุมภาพันธ์ และ มีนาคม
ทางวงมีแผนที่จะพักช่วงหลังจากทัวร์อเมริกาใต้เพื่อเขียนอัลบั้มที่ 4

ในเดือนธันวาคมปี 2010 มีข้อความโพสต์บน paramore.net ว่า Josh และ Zac Farro จะออกจากวง ทางวงยังคงคอนเฟิร์มด้วยว่าตารางทัวร์ของอเมริกาใต้ ยังคงจัดตามปกติ
Josh Farro เขียนข้อความอำลาใน Blogger ส่วนตัว และเคลมว่าทางวงเป็นวงที่ถูกปรุงแต่งจากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ นอกจากนั้นยังกล่าวหาว่า Hayley Williams ถูกฝั่งทางผู้จัดการวงหลอกใช้คนทั้งวงเพื่อให้เธอได้เป็นศิลปินเดี่ยว และเคลมว่าเธอเป็นคนเดียวที่ได้เซ็นสัญญากับค่าย Atlantic Records โดยเพื่อนๆในวงทั้งหมดเป็นแค่เบี้ยล่างให้เธอได้ไปถึงฝัน

30 ธันวาคม 2010 MTV News สัมภาษณ์ Hayley, Taylor, และ Jeremy ที่ Franklin, Tennessee เกี่ยวกับข้อความของ Josh ทางวงยืนยันว่าที่ Josh พูดมามีส่วนถูกต้อง เช่นสัญญาที่ Hayley เป็นคนเดียวที่ได้เซ็น แต่พวกเขาคิดว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่มีความสำคัญ และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่ Josh และ Zac ออกจากวง และยังได้พูดคุยเรื่องนี้กับทั้งสองคนตลอดช่วงเวลาที่ทำงานด้วยกัน

วันที่ 10 มกราคม ปี 2011 ทางวงให้สัมภาษณ์กับ MTV โดย Hayley Williams บอกว่าถึงแม้ว่าทางวงจะเสียสมาชิกไปสองคนที่ร่วมก่อตั้งวงมา แต่พวกเขายังคงทำงานเพลงต่อไปในปี 2011 แต่ไม่ยืนยันว่าจะออกเป็นแค่ซิงเกิล หรือว่าอัลบั้มเต็ม เธอยังคงยอมรับว่าแนวทางเพลงจะเปลี่ยนไปเพราะสมาชิกไม่เหมือนเดิม แต่ยังคงรักษาความเป็นตัวตนของวงเอาไว้
ทางวงคอนเฟิร์มภายหลังว่ากำลังเข้าสตูดิโอเพื่ออัดเพลงที่ Los Angeles กับโปรดิวเซอร์ Rob Cavallo และจะออก EP ชื่อ Singles Club

3 มิถุนายน 2011 Paramore ปล่อยเพลง “Monster” ที่ร่วมเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Transformers: Dark of the Moon ถือเป็นเพลงแรกที่ไม่มีพี่น้อง Farro ร่วมทำเพลงด้วย
9 มิถุนายน 2011 Hayley Williams ประกาศว่าทางวงเริ่มเขียนอัลบั้มที่ 4 และวางแผนจะเริ่มอัดเพลงสิ้นปี เพื่อพร้อมปล่อยในปี 2012


วันที่ 11 ตุลาคม ปี 2011 ทางวงสร้างพื้นที่บนเว็บไซต์สำหรับ Singles Club เพื่อให้แฟนเพลงมีโอกาสที่จะซื้อเพลงใหม่จากอีพีนี้ และเพลงไม่ถูกจำหน่ายบนช่องทางอื่น
เพลงชื่อว่า “Renegade” ถูกปล่อยในวันที่ประกาศพร้อมกับเพลง “Hello Cold World” ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ตามด้วยเพลง “In the Mourning” ในวันที่ 5 ธันวาคมปี 2011 ในขณะที่สมาชิกเก่า Josh และ Zac Farro เริ่มทำวงใหม่ของตัวเองชื่อ Novel American

กล่องแผ่นเสียง 7 นิ้วของอีพี Singles Club

24 พฤษจิกายนปี 2014 Paremore: Self-Titled ดีลักซ์อิดิชันก็ได้ปล่อยออกมา ซึ่งรวมเพลงรีเมค เพลง Hate to See Your Heart Break ที่ร่วมร้องกับ
Joy Williams เป็นเพลงแรกของพาอะมอร์ที่ทางวงร่วมทำงานเพลงกับศิลปินอื่น

ทางวงเริ่มออกทัวร์ Writing the Future กับวง Copeland และประกาศทางบล็อคว่า

เป็นเวลาที่ถูกต้อง และสมควรแล้วที่เราจะปิดอัลบั้ม Self-Titled
เราเหมือนได้รับชัยชนะจากการเดินทางครั้งนี้ แต่ที่ยังรู้สึกเศร้าคือเราต้องบอกลามันโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ

Paramore

วันที่ 14 เดือนธันวาคม 2015 Jeremy Davis มือเบส ประกาศออกจากวงเป็นครั้งที่สาม
ในเดือนมีนาคมปี 2016 เจเรมีได้มีการฟ้องร้องทางกฎหมายกับ Paramore โดยยืนยันสิทธิที่จะยังได้รับผลประโยชน์จากวง เนื่องจากตนนั้นเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจวงดนตรีกับเฮย์ลีย์
แต่ก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นเค้าก็ได้ฟ้องร้องทางกฎหมายกับ เฮย์ลีย์ และ เทย์เลอร์ ยอร์ค อีกครั้งในข้อหาละเมิดสัญญาในการเป็นเจ้าของเพลงในอัลบั้ม Self-Titled รวมถึงเพลง Ain’t It Fun โดยต้องการมีส่วนในการได้รับผลประโยชน์จากเพลงและอัลบั้ม
ในที่สุดก็เจรจาไกล่เกลี่ยจนจบในเดือนมิถุนายนปี 2017 

ในช่วงเวลานี้ Hayley Williams ได้เปิดเผยว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าและมีปัญหาทางสุขภาพจิตจากการที่ Jeremy อำลาวง และการหย่าร้างกับอดีตสามี Chad Gilbert
ในบทสัมภาษณ์ของ Zane Lowe ผ่านรายการของ Beats 1 Radio เธอกล่าวว่ามันทรมานมาก และไม่ได้หัวเราะมานาน เพราะเหตุนี้เธอจึงพักงานเพลงแบบเงียบๆในช่วงปี 2015 ทำให้เหลือแค่ Taylor York คนเดียวในวง


วันที่ 19 เมษายน ปี 2017 พาอะมอร์ปล่อยซิงเกิลเพลง “Hard Times” และประกาศว่าอัลบั้มใหม่จะมีชื่อว่า “After Laughter” และมีกำหนดปล่อยวันที่ 12 พฤษภาคม ปี 2017 อีกทั้งซิงเกิล “Told You So” จากอัลบั้มนี้ถูกปล่อยเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2017
เอ็มวีเพลง “Fake Happy” ถูกปล่อยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017
ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 เอ็มวี “Rose-Colored Boy” ถูกปล่อยออกมา ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สี่ของอัลบั้ม
เอ็มวี “Caught in the Middle” เป็นซิงเกิลที่ห้า และวิดิโอได้ถูกปล่อยในวันที่ 26 มิถุนายน 2018 

วันที่ 7 กันยายน 2018 เฮย์ลีย์ ประกาศระหว่างโชว์ว่าทางวงจะเล่นเพลง Misery Business สด เป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากท่อนเวิร์สที่สอง เนื้อเพลงของ Misery Business มีความเหยียดเพศ แต่ในที่สุดทางวงก็กลับมาเล่นเพลงนี้สดในที่สุดตามคำเรียกร้องของแฟนเพลง